บางครอบครัวอาจจะคาดหวังว่า เมื่อลูกน้อยถึงวัยต้องเข้าโรงเรียนอนุบาล จะต้องเลือกโรงเรียนที่ดังที่สุด ดีที่สุด ที่จะช่วยทำให้ลูกของเราเรียนเก่งที่สุด ได้คะแนนสอบมาเป็นอันดับ 1 เรียกได้ว่าออกแบบชีวิตในระดับเข้มข้นตั้งแต่ในระดับชั้นแรก ซึ่งเป็นระดับชั้นที่เล็กที่สุด แต่มีความหมายต่อชีวิตของเด็กมากที่สุด เพราะถ้าเด็กมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียน โอกาสที่เขาจะเติบโตขึ้นอย่างคนที่ประสบความสำเร็จด้านนี้ จะมีความเป็นไปได้สูง แล้วเนื้อหาวิชาที่เด็กควรจะได้เรียนรู้ในช่วงชั้นนี้ มีอะไรบ้าง จะตรงกับความคาดหวังของคุณพ่อคุณแม่หรือไม่ ลองมาดูกันค่ะ
ในช่วงวัยนี้ เด็ก ๆ ควรได้เรียนรู้การดูแลตนเอง เช่น การอาบน้ำ ล้างมือ แปรงฟัน การแต่งตัว การสวมใส่ถุงเท้ารองเท้าได้เอง โดยสามารถเลือกเสื้อผ้า เลือกชุดได้เองตามความชอบ ในเวลาไปเที่ยวหรือไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับโรงเรียนหรือครอบครัว
ลูกควรเริ่มเรียนรู้และพัฒนาทักษะพื้นฐานด้านการสื่อสารอย่างชัดเจนกับผู้อื่น สามารถสื่อสารความต้องการของตัวเองกับครอบครัว คุณครู เพื่อน และคนอื่น ๆ ได้ มีการโต้ตอบสื่อสารสองทาง ถาม-ตอบได้ ส่วนทักษะด้านภาษา สามารถพูดคุยโดยใช้ภาษาที่เด็กถนัด หรือได้รับการฝึกฝนได้ เช่น การอ่าน เขียน การพูด และการฟัง เด็ก ๆ ควรเรียนรู้คำศัพท์พื้นฐานและสื่อสารได้อย่างเข้าใจความหมาย
การเรียน การเล่น และการทำกิจกรรมในโรงเรียน จะช่วยฝึกให้ลูกน้อยสามารถทำงานร่วมกับเพื่อน ๆ เรียนรู้การทำงานเป็นทีม การแบ่งปัน ช่วยเหลือ มีความกล้าแสดงออก มีภาวะผู้นำ และผู้ตาม เรียนรู้หน้าที่ตามบทบาทที่ได้รับมอบหมาย
การขยับร่างกายให้เด็กได้เคลื่อนไหวอย่างสนุกสนาน การให้ลูกได้ทำกิจกรรมประเภทปีนป่าย ใช้กล้ามเนื้อแขนและขา กระโดดโลดเต้น หรือวิ่งเล่น ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างพัฒนาการให้ลูกน้อย เพราะในช่วงวัยนี้กล้ามเนื้อและเซลล์ต่าง ๆ ยังไม่เติบโตเต็มที่ ยังต้องได้รับการกระตุ้น การสร้างให้เติบโตขี้นอย่างแข็งแรง นอกจากนี้การออกกำลังกายและการเล่นยังสามารถช่วยในการพัฒนาทักษะทางสมองและทักษะสังคมของลูกด้วย
ลูกน้อยควรได้เรียนรู้เกี่ยวกับจริยธรรมและมารยาทพื้นฐาน เช่น การทำความเคารพผู้ใหญ่ การช่วยเหลือผู้อื่น การให้ การแสดงความมีน้ำใจ เสียสละ แบ่งปัน และให้อภัย ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพของเด็ก ซี่งไม่สามารถวัดได้แค่ความรู้ทางวิชาการ แต่ต้องวัดความดีงามด้านจิตใจลูกไปด้วย
ในเบื้องต้น เด็กควรเรียนรู้เรื่องตัวเลข รูปร่าง รูปทรง การนับ และหลักการเรียนรู้พื้นฐานอื่นๆ เช่น การเรียงลำดับและการจัดกลุ่ม
ลูกควรมีโอกาสเรียนรู้สิ่งที่ไม่มีถูกผิด ไม่มีการตัดสิน ไม่มีการแข่งขัน แต่เป็นการให้เด็กได้สร้างสรรค์ความคิดจินตนาการผ่านศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ ระบายสี การปั้น การตกแต่ง หรือการแสดงต่าง ๆ ทั้งการร้อง การเต้น หรือเล่นละคร
เด็กควรได้เรียนรู้ผ่านการค้นคว้าและสังเกตตัวอย่างจากสิ่งใกล้ตัว หรือจากการได้ไปเที่ยวกับครอบครัว การทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียน เรียนรู้ความแตกต่างในสภาพแวดล้อมที่แปลกและเปลี่ยนไป เช่น ปรากฎการณ์ธรรมชาติ หรือการทดลองเบื้องต้นแบบง่าย ๆ ให้เด็กได้ซึมซับความรู้แบบนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องมีการทดลองค้นคว้าหาคำตอบด้วยตัวเอง หรือการใช้เครื่องมือต่าง ๆ
เด็กอัลฟ่าเติบโตมาในโลกดิจิทัล เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน เด็กจะมีความใกล้ชิดกับเทคโนโลยีมาก แบบที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนี่งในชีวิต ดังนั้นเด็กในวัยนี้จึงควรได้รับการเรียนรู้เรื่องการใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด เหมาะสม และพอดี ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้ปกครอง และคุณครู โดยต้องเลือกสื่อ เลือกรูปแบบกิจกรรมที่เหมาะสม โดยไม่ปล่อยให้ลูกเรียนรู้สื่อด้วยตัวเองเด็ดขาด เพราะช่วงวัยนี้เด็กยังไม่มีวิจารณญาณในการแยกแยะใด ๆ ทั้งสิ้น การเติมทักษะด้านนี้จึงต้องทำอย่างรอบคอบและระมัดระวัง
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับช่วงวัยนี้ ไม่ใช่ความเก่ง ความชนะ ความเป็นหนึ่ง แต่คือความสุข เด็กที่เติบโตมาอย่างมีความสุข จะเป็นเด็กที่มีสุขภาพจิตดี มีทัศนคติที่ดีในการดำเนินชีวิตและการสร้างความสำเร็จให้ตัวเอง เด็กควรได้เลือก ได้สื่อสารกับผู้ปกครองและคุณครูว่าสิ่งใดคือสิ่งที่เขาชอบ อยากทำ อยากเล่น อยากใช้เวลาอยู่ด้วยนาน ๆ แม้เด็กจะอธิบายไม่ได้ว่าความสุขคืออะไร แต่เขาจะรู้ว่าอะไรทำให้เขามีความสุข
การเรียนในระดับอนุบาล ไม่ควรได้รับการคาดหวังจากคุณพ่อคุณแม่ด้วยผลการเรียน หรือความรู้ด้านวิชาการที่แน่นเกินไป แต่ควรเน้นการปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อคำว่า “การเรียน” “โรงเรียน” และ “ความสุข” ที่จะส่งผลต่อพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของเด็กต่อไปในอนาคต
Aunty